MindMap Gallery History of Chiang Mai Rajabhat University
Chiang Mai Rajabhat University has a rich history that reflects the educational evolution in the region. This mind map aims to visually organize key elements within the history of Chiang Mai Rajabhat University, providing a comprehensive overview for students, educators, and individuals interested in understanding the institution's journey, milestones, and contributions to education.
Edited at 2023-08-18 07:03:04The collaboration between Chiang Mai Rajabhat University and the Institute of the Nation, Religion, and Monarchy represents a significant intersection of education, cultural preservation, and national values. This mind map aims to visually organize key elements within the partnership between Chiang Mai Rajabhat University and the Institute of the Nation, Religion, and Monarchy, providing insights into their shared initiatives, contributions, and the broader impact on education and cultural heritage.
Chiang Mai Rajabhat University, situated in the historical city of Chiang Mai, has roots deeply embedded in the rich cultural and historical context of Lanna. This mind map aims to visually organize key elements within the historical period when Chiang Mai Rajabhat University operated under Lanna rule, providing insights into its founding, growth, and contributions to education during this era.
Chiang Mai Rajabhat University has a rich history that reflects the educational evolution in the region. This mind map aims to visually organize key elements within the history of Chiang Mai Rajabhat University, providing a comprehensive overview for students, educators, and individuals interested in understanding the institution's journey, milestones, and contributions to education.
The collaboration between Chiang Mai Rajabhat University and the Institute of the Nation, Religion, and Monarchy represents a significant intersection of education, cultural preservation, and national values. This mind map aims to visually organize key elements within the partnership between Chiang Mai Rajabhat University and the Institute of the Nation, Religion, and Monarchy, providing insights into their shared initiatives, contributions, and the broader impact on education and cultural heritage.
Chiang Mai Rajabhat University, situated in the historical city of Chiang Mai, has roots deeply embedded in the rich cultural and historical context of Lanna. This mind map aims to visually organize key elements within the historical period when Chiang Mai Rajabhat University operated under Lanna rule, providing insights into its founding, growth, and contributions to education during this era.
Chiang Mai Rajabhat University has a rich history that reflects the educational evolution in the region. This mind map aims to visually organize key elements within the history of Chiang Mai Rajabhat University, providing a comprehensive overview for students, educators, and individuals interested in understanding the institution's journey, milestones, and contributions to education.
ความเป็นมามหาลัยราชภัฏเฃียงใหม่
ประวัติความเป็นมาของมหาวิทยาลัยราชภัฏ
วันที่12ตุลาคม พ.ศ. 2435 ได้มีการก่อตั้งโรงเรียนฝึกหัดอาจารย์ขึ้น บริเวณโรงเลี้ยงเด็ก ต.สวนมะลิ ถ.บำรุงเมือง จ.พระนคร
พ.ศ. 2457 ก่อตั้งโรงเรียนตัวอย่างประจำมณฑลนครราชสีมา ต่อมาก็ได้เปลี่ยนชื่ิอเป็น “โรงเรียนฝึกหัดครูกสิกรรมมณฑลนครราชสีมา”
พ.ศ. 2468 ธรรมการมณฑลได้จัดตั้งโรงเรียนฝึกหัดครูประจำมณฑลขึ้นโดยเฉพาะเรียกว่า "โรงเรียนฝึกหัดครูมูลประจ ามณฑลนครศรีธรรมราช"
วันที่1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2466 ก่อตั้ง “โรงเรียนฝึกหัดครูกสิกรรมมณฑลอุดร”บริเวณสโมสรเสือป่ามณฑลอุดร อ.เมือง จ.อุดรธานี
พ.ศ. 2466 ได้มีการก่อตั้ง "โรงเรียนฝึกหัดครูกสิกรรมประจำมณฑลพายัพ" ณ บ้านเวียงบัว ต.บลช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม
การก่อตั้งสถาบันราชภัฏและมหาวิทยาลัยราชภัฏ
วันที่14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2535พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อ“สถาบันราชภัฏ” ให้กับวิทยาลัยครูทั่วประเทศ จึงมีผลทำให้วิทยาลัยครูเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น สถาบันราชภัฏ
6 มีนาคม พ.ศ. 2538 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีพระมหากรุณาธิคุณต่อชาวราชภัฏเป็นล้นพ้นด้วยทรงพระเมตตา ทรงพระกรุณาโปรดกล้าฯ พระราชทานพระราชลัญจกรประจำพระองค์ให้เป็น “สัญลักษณ์ประจำสถาบันราชภัฏ”
วันที่10 มิถุนายน พ.ศ. 2547 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงลงพระปรมาภิไธย พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยราชภัฏ พ.ศ. 2547 และประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่14 มิถุนายน พ.ศ. 2547 ส่งผลให้สถาบันราชภัฏทั่วประเทศ ได้รับการยกฐานะและปรับเปลี่ยนสถานภาพเป็น “มหาวิทยาลัยราชภัฏ” ตั้งแต่วนั ที่15 มิถุนายน พ.ศ.2547 เป็นต้นมา
วิทยาลัยครูเชียงใหม
ปีการศึกษา 2502 นายศิริ ศุขกิจ ได้ย้ายมาเป็นหัวหน้าสถานศึกษาแห่งนี้และเรียก ตำแหน่งนี้ใหม่ว่า "อาจารย์ใหญ่" ทั้งนี้เพราะได้เตรียมการยกฐานะของโรงเรียนให้ เปิดถึงขั้นประกาศนียบัตรวิชาการศึกษา ชั้นสูง (ป.กศ. สูง) ซึ่งเทียบเท่ากับประโยค ครูมัธยมเดิมและอนุปริญญา และเรียกชื่อสถานศึกษาใหม่ว่า "วิทยาลัยครู เชียงใหม่"
2503 วิทยาลัยครูเชียงใหม่ได้เริ่มงาน ตามโครงการฝึกหัดครูชนบท โดยได้ส่ง นักศึกษาใน ระดับ ป.กศ. ออกฝึกสอนในโรงเรียนประถมศึกษา 5 โรงเรียนใน ท้องที่อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม
2508ทางราชการได้ยกระดับผู้บริหารขึ้นถึงชั้นพิเศษและเรียกตำแหน่งผู้บริหารว่า "ผู้อำนวยการ” ผู้อำนวยการท่านแรกของวิทยาลัยครูเชียงใหม่ คือนายประสิทธิ์ สุนทโรทก ซึ่งเข้ามารับ ตำแหน่งตั้งแต่ พ.ศ.2509 การผลิตครูตามหลักสูตรประกาศนียบัตรประโยคครูประถม (ป.ป.) ซึ่งเดมิรับจากนักเรียนชั้นมัธยมปี ที่ 6 (ม.6) มาเรียนต่ออีก 3 ปี
พระราชบัญบัติวิทยาลัยครู พ.ศ. 2518 การบริหารงานของวิทยาลัยครูทุกแห่งขึ้นอยู่กับ "สภาการฝึกหัดครู" และได้ กำหนดให้เรียกชื่อผู้บริหารเป็น "อธิการ" โดย นางสาวบุญ จันทร์ วงศ์รักมิตร เป็นอธิการคนแรกของ วิทยาลัยครูเชียงใหม่ในปีการศึกษา 2517 วิทยาลัยครูเชียงใหม่ได้เปิดสอนระดับปริญญาตรี โดยใช้หลักสูตร ของวิทยาลัยวิชาการ ศึกษา 3 วิชาเอก คือ ภาษาอังกฤษ เคมี และวิทยาศาสตร์ทั่วไป
วิทยาลัยได้เริ่มรับนักศึกษา ค.บ.2 ปี วิชาเอกภาษาไทย เป็นรุ่นแรกในปีการศึกษา 2520 และได้ปรับ หลักสูตรการเรียนการสอนของนักศึกษาปริญญาตรี 3 วิชาเอกที่ได้รับไว้ก่อน หน้านั้นให้สำเร็จการศึกษาตามหลักสูตร ค.บ. พ.ศ.2534 ผศ.สายสมร สร้อยอินต๊ะ จึงได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอธิการ ซึ่งปี พ.ศ.2535 ได้ เปลี่ยนการเรียกชื่อผู้บริหารจาก "อธิการ" เป็น "อธิการบดี" จึงนับได้ว่า ผศ.สายสมร สร้อยอินต๊ะ เป็นอธิการบดีคนแรก
้น
ารศึกษา 2490 ได
โรงเรียนฝึกหัดครูเชียงใหม
ปี 2485 กระทรวงศึกษาธิการได้ปรับปรุงโรงเรียนฝึกหัดครูประกาศนียบัตรมณฑลพายัพ โดยได้เน้นการผลิตครูในสายสามัญให้มากยิ่งขึ้นเพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนครูสายสามัญของมณฑล โดยแยก การผลิตครู่ออกเป็นสามประเภท คือฝึกหัดครูมูลสามัญ ฝึกหัดครูประกาศนียบัตรจังหวัดและฝึกหัดครูมูลสามัญ ฝึกหัดครูประกาศนีบัตรจังหวัดและฝึกหัดครูประชาบาล
ปี 2490 ได้มีการสร้างอาคารหอนอน จุนักเรียนได้ 60 คน เรียกว่า “หอ90”ปัจจุบันคือโรงยิมเนเซียม
ปีการศึกษา 2490 ได้เปลี่ยนชื่อโรงเรียนเสีย ใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับงานผลิตครูดำเนินการอยู่โดยเรียกว่า "โรงเรียนฝึกหัดครูเชียงใหม่" และเริ่มใช้สีดำและเหลืองเป็นสี ประจำโรงเรียนใช้สัญลักษณ์ "พระพิฆเนศวร์เทพเจ้าแห่งปัญญาง”ใช้คติพจน์ประจ าโรงเรียนว่า "นตฺถิ ปญฺญาสมา อาภา" ซึ่งแปลว่า "ไม่มีแสงสว่างใดเสมอ ด้วยปัญญา" เป็นคติพจน์ประจำโรงเรียน
การศึกษา 2499 ได้รวมแผนกฝึกหัดครูสตรี ของโรงเรียนสตรีประจ าจังหวัดเชียงใหม่ (โรงเรียนสตรี วัฒโนทัยพายัพ) และรวมแผนกฝึกหัดครูการเรือนของโรงเรียนคำเที่ยง อนุสรณ์ มาจัดเป็นโรงเรียนฝึกหัดครูแบบสหศึกษา แต่ยังเรียก "โรงเรียนฝึกหัดครู เชียงใหม่" เหมือนเดิม
โรงเรียนฝึกหัดครูประกาศนียบัตร มณฑลพายัพ
ปี 2485 กระทรวงศึกษาธิการได้ปรับปรุงโรงเรียนฝึกหัดครูประกาศนียบัตรมณฑล พายัพ โดยได้เน้นการผลิตครูในสายสามัญให้มากยิ่งขึ้นเพื่อแก้ปัญหาการขาด แคลนครูสายสามัญของมณฑล โดยแยก การผลิตครูออกเป็นสามประเภท คือ ฝึกหัดครูมูลสามัญ ฝึกหัดครูประกาศนียบัตรจังหวัดและฝึกหัดครูมูลสามัญ ฝึกหัด ครูประกาศนีบัตรจังหวัดและฝึกหัดครูประชาบาล
ปี 2490 ได้มีการสร้างอาคารหอนอน จุนักเรียนได้ 60 คน เรียกว่า “หอ90”ปัจจุบันคือโรงยิมเนเซียม
ประวัติความเป็นมาของมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่
โรงเรียนฝึกหัดครูกสิกรรมประจำมณฑลพายัพ จังหวัดเชียงใหม่พ.ศ.2466 มหาเสวกโท พระยาสุรบดินทร์สุรินทรภาไชย (อุปราช) อามาตย์เอกพระยาพายัพพิริยะกิจ (สุมหเทศาภิบาล) และอ ามาตย์ตรีหลวงวิสณห์ดรุณการ(ศึกษาธิการ มณฑลพายัพ) ได้ร่วมกันเพื่อเตรียมการจัดตั้งโรงเรียนฝึกหัดครูกสิกรรมประจำมณฑลพายัพขึ้น
เริ่มทำการสอนเมื่อ วันที่19 พฤษภาคม 2467 นักเรียนรุ่นแรกตามหลักฐานแล้วมีอยู่ 28 คน คัดเลือกมาเรียนจากจังหวัดเชียงราย 6 คน จังหวัดลำพูน 5 คน จังหวัดแม่ฮ่องสอน 1 คนและจังหวัดเชียงใหม่ 16 คนเมื่อนักเรียนได้เรียนจบหลักสูตรและสอบไล่ได้แล้วนั้น ทางมณฑลจะดำเนินการ ตั้ง เงินเดือนในฝ่ายเงินศึกษาพลีให้ขั้นต้นเดือนละ 25 บาท ในเมื่อทำการสอน โรงเรียน ประชาบาลที่นายอำเภอตั้งแต่ถ้าสอบตกสมัครออกทำการสอนเงินเดือนจะพิจารณาให้ตามสมควรแก่วุฒิและ ความสามารถ หากไม่ทำการสอนจะไปทำกินของตนเองก็ได้
ผู้ใดเรียนก็ได้คัดเลือกส่งไปเรียนที่จังหวดั นครปฐมต่อไปอีก หากเป็นนักเรียนอยู่ ในท้องที่จังหวัดใด ต้องออกไปทา การสอนในจังหวัดนั้น จะเป็นตำบลใดก็ได้ นอกจากตำบลที่ตนอยู่ ใกล้ ชิดกกับจังหวัดอื่นในมณฑลเดียวกันจะไปสอนใน ตำบลของจังหวดั นั้นก็ได ้ แต่ที่สะดวกซึ่งเป็นความมุ่งหมายทางราชการนั้น นักเรียน ตำบลใดก็กลับไปสอนตำบลนั้น เมื่อเป็นครูแล้วสัก 3-5 ปี มีความสันทัดในการทำงาน ด้านการเพาะปลูกมากขึ้น มีอายุมากขึ้น มีทุนรอนพอจะตั้งตัวได้ หากจะขอลาออกจาก ครูไปเป็นชาวนาชาวสวน ก็จะได้เป็นตัวอย่างแก่ชาวนาชาวสวนไทยทั่วไป"
ก่อสร้างเมื่อ วันที่ 1 เมษายน 2467 ในตอนแรกโรงเรียนฝึกหัดครูกสิกรรมประจำมณฑลพายัพ ซึ่งมี นายชื่น สิโรรส เป็น ครูใหญ่จึงได้ลงมือปลูกสร้างอาคารหนึ่งหลัง เพื่อเป็นทั้งห้องเรียนและหอนอน ลักษณะ อาคารเป็นเรือนไม้ไผ่ชั่วคราว พร้อมทั้งโรงอาหาร ปลูกสร้างได้ แล้วเสร็จเมื่อ วันที่ 5 มิถุนายน 2467 แต่ก็ได้เปิดรับนักเรียนเข้าอยู่ประจำตามกำหนด คือ วันที่ 1 พฤษภาคม 2467
วันราชภัฏ
ทุกวันที่14 กุมภาพันธ์ ของทุกปี เป็น “วันราชภัฏ” สืบเนื่องจาก วันที่14 กุมภาพันธ์ 2535 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกากาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนาม สถาบันราชภัฏ แก่วิทยาลัยครูทั่ว ประเทศและได้มีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระบรม ราชานุญาต ให้อัญเชิญตราพระราชลัญจกรส่วนพระองค์เป็นตราประจำมหาวิทยาลัย ราชภัฏนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณล้านเกล้าล้นกระหม่อมหาที่สุด มิได้ เป็นสิ่งที่น่า ความภาคภูมิใจสูงสุดมาสู่ชาวมหาวิทยาลัยราชภัฏทั่วประเทศซึ่งชาวมหาวิทยาลัยราชภัฏ
บทที่ 1